คุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องทำงานบริหารจัดการโครงการแล้วเจอปัญหาเรื่องนี้หรือไม่
ขอบเขตงานขยายร้อยทิศทาง
ควบคุมระยะเวลาเสร็จสิ้นได้ยาก
งบประมาณบานปลาย
ผลงานและ คุณภาพ ไม่ตรงต่อความต้องการของลูกค้า
ซึ้งปัญหาเหล่านี้ มักเจอได้บ่อยๆ เกิดขึ้นเป็นประจำไม่ว่าจะเป็นบริหารแบบใดๆก็ตาม เราขอนำเสนอ
Agile เป็นแนวคิดในการทำงาน ที่จะช่วยจัดความต้องการของลูกค้า ช่วยให้คุณส่งมอบความกำหนด ควบคุมงบประมาณ และ เพิ่มความพอใจของลูกค้าอีกด้วย โดยมีเทคนิคและวิธีการ การปฏิบัติงาน ที่แบ่งดำเนินโครงการออกเป็นส่วนย่อย ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมได้ สนองต่อความต้องการของลูกค้าโดยให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่ง ที่เข้ามาแทนที่แนวคิดเดิมอย่าง Waterfall
ซึ่งแต่ก่อนนี้ การทำงานแบบ Waterfall จะเป็นการวางแผน กำหนดเป้าหมาย กระจายงาน ใน step ขั้นตอนเดียว ทำให้กว่าจะได้ผลลัพธ์สุดท้าย ใช้เวลานาน เกิดเป็นปัญหาใหญ่ตามมา 2 ประการสำคัญ ได้แก่
ปัญหาเรื่องการวางแผนให้เป็นไปตามเวลา และงบประมาณ เนื่องจาก scope ของงานใหญ่ และมีการแบ่งทีมกันดูแล ทำให้ใช้เวลาในการรวบรวมงาน หรือ communicate กันระดับหนึ่ง ส่งผลให้กว่าจะสำเร็จดังเป้าหมาย
ปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงทั้งภายใน และภายนอก ที่ส่งผลให้โปรเจคต้องถูกพับเก็บไป เนื่องจากเป็น scope ใหญ่ ที่วางแผนระยะยาว ทำให้เมื่อเกิดปัญหา ที่ผิดพลาดไปจากแผน ก็ไม่สามารถปรับตัว หรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากนัก
แนวคิดหลักๆ ของ Agile มีดังนี้
– ทำงานเป็นทีม และมีการ Communicate กันในทีมอย่างต่อเนื่อง
– ผิดพลาดได้ และต้องแก้ให้ได้โดยเร็ว พร้อมเปลี่ยนแปลง และปรับตัวอยู่เสมอ
– ค่อยๆ พัฒนาไปทีละนิดๆ โดยมีการส่งมอบงาน และ Update กันอย่างต่อเนื่อง ไม่รอให้เกิดเป็นโปรเจคใหญ่ แล้วส่งทีเดียว
– ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น ให้ความสำคัญกับ Value ให้มากที่สุด
หน้าที่ ของ Agile มีเพียง 3 ตำแหน่ง คือ
Product Owner คือ เจ้าของโปรเจค ทำหน้าที่ในการประเมิน Value ของงาน และจัดลำดับความชัดเจนในงานให้ทีม
Scrum Master คือ ผู้ทำหน้านี้จัดการกำจัดสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่องาน ให้งานเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
Team Member คือ แต่ละคนที่รับผิดชอบ Task ต่างๆ เช่น Designer, Analyst, UX/UI เป็นต้น ซึ่งแต่ละคนที่ได้รับหน้าที่ หรือ Job นั้นๆ จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนั้นๆ โดยตรง ทำให้งานเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
สรุปข้อดีของการทำงานแบบ Agile
1 ทุกฝ่ายพอใจ ลูกค้าได้เห็น product เร็วขึ้น (ไม่ต้องรอจนถึง final product) + มีช่วงเวลาให้ปรับแก้ไข requirement ส่วน developer ก็แฮปปี้ เพราะเห็นเลยว่าในแต่ละ sprint มีงานอะไรจะต้องทำบ้าง เลยสามารถจัดแจงการทำงานให้เหมาะสมได้ งานก็จะไม่ overload
2 ทุกคนในทีมเข้าใจ product เหมือนกัน สามารถทดแทนการทำงานกันได้
3 Product ออกมาเร็ว ถึงแม้จะไม่ใช่ Final Product แต่ก็สามารถเอาไปใช้งานหรือทำใหลูกค้าเห็นภาพได้ดีมากขึ้น
4 สามารถติดตามการทำงาน และประเมินผลการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อจำกัดของการประยุกต์ใช้ Agile
การประยุกต์ใช้ในองค์กรใหญ่ค่อนข้างทำได้ยาก เพราะมีทีมและแผนกที่ค่อนข้างใหญ่ การให้ทุกคนยอมรับวัฒนธรรมนี้ค่อนข้างเป็นไปได้ยาก รวมถึงการแตกฝ่ายต่างๆ เพื่อมารวมเป็นทีมย่อยขนาดเล็กก็ทำได้ยาก
Agile เป็นแนวคิดที่ค่อนข้างซัพพอร์ตกับระบบแบบ Flat Organization เพราะฉะนั้นสำหรับบางบริษัทหรือบริษัทที่ผู้บริหารมีแนวคิดแบบ Pyramid Structure ก็จะประยุกต์ใช้ Agile ได้ยาก
Agile เป็นแนวคิดที่พัฒนามาจากบริษัท เลยเหมาะในการใช้พัฒนา Tech Product มากกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าจะประยุกต์ใช้กับงานแบบอื่นไม่ได้ ทาง Human tech ก็มีการประยุกต์ใช้กับทีมที่ทำงานด้านMarketing เหมือนกัน เพียงแต่ต้องใช้เวลาและต้องประยุกต์จากหลักการเดิมไปค่อนข้างเยอะ
ทำไม human tech ถึงนำเสนอเรื่องนี้ละ
ระบบการทำงานหรือโครงสร้างแต่ละที่ต้องใช้ความเร็วในการดำเนินงาน มีผลต่อพนักงานทั้งหมด ระบบงานอาจจะดึงประสิทธิภาพของพนักงานได้ไม่เต็มที่ ความเคลียด กดดัน ปัญหา 108 บลาๆ ซึ่งแนวคิดแต่ละที่ วิถีทางต่างกันออกไปไม่เหมือนกันซ้ะทีเดียว ถ้าสิ่งที่วางแผนมันไม่เป็นอย่างที่คิดละ เราจึงเสนอเรื่องนี้ เพื่อเป็นกระบอกเสียง หาหนทางที่จะไปต่อเดินหน้าสู่ความสำเร็จ เพราะเวลาของคุณมันแสนจะน้อย เวลาของคุณมีจำกัด เวลาของคุณมันคือของคุณ จงอย่าเสียเวลาไปกับชีวิตคนอื่นที่ไม่เห็ฯค่าคุณ อย่าไปเสียเวลาเพียงเพราะว่ากฏเกณฑ์ จงอย่าปล่อยให้เสียงคนอื่นมากลบเสียงในใจของคุณ จงอย่ากลัวในสิ่งที่ไม่เคยเห็น และ จงกล้าหาญออกเผชิญสิ่งที่จะเกิดในวันพรุ่งนี้
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก
brandinside
coraline
Network Training Center
หากใครยังไม่รู้จักเรา คลิ๊ก
สำหรับคนที่กำลังมาหางาน คลิ๊ก
สามารถคอมเม้นติชมร่วมพูดคุยกับเราได้ด้านล่างเลยครับ